สรุปรายงานการวิจัยผลของการใช้แท็บเล็ต
ป.๑
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้แนวคิดและวิธีการในการพัฒนาศักยาภาพการจัดการเรียนการสอนของครูชั้นประถมศึกษาปีที่
1ให้มีความเข้มแข็ง
2.ได้แนวทางในการพัฒนาคุณภาพนักเรียนโดยใช้แท็บเล็ต
นิยามเชิงปฏิบัติการ
ผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากการใช้แท็บเล็ต หมายถึง
ความรู้ความสามารถของนักเรียนในการใช้แท็บเล็ตในการสืบค้นความรู้และเจตคติของการใช้แท็บเล็ต
ความรู้ความสามารถของนักเรียนในการใช้แท็บเล็ตในการสืบค้นความรู้
หมายถึง ผลการใช้แท็บเล็ตในการหาความรู้และเขียนสรุปความรู้ตามตัวชี้วัดรายปีชั้นประถมศึกษาปีที่1
พฤติกรรมการใช้แท็บเล็ตของนักเรียน
หมายถึง ลักษณะการใช้แท็บเล็ตของนักเรียนในด้านวัตถุประสงค์ของการใช้แท็บเล็ต
ปริมาณการใช้แท็บเล็ต และสถานที่ที่ใช้แท็บเล็ต
ผลกระทบต่อต่อสุขภาพของนักเรียนจากการใช้แท็บเล็ต
หมายถึง อาการทางด้านร่างกายและจิตใจที่เปลี่ยนแปลงหลังจากการใช้แท็บเล็ต
ผลกระทบต่อสังคมของนักเรียนหลังจากการใช้แท็บเล็ต
หมายถึง ลักษณะความสัมผันธ์ของนักเรียนกับเพื่อนนักเรียนกับครู
และนักเรียนกับผู้ปกครองที่เปลี่ยนแปลงหลังจากการใช้แท็บเล็ต
การจักการเรียนรู้ของครูโดยใช้แท็บเล็ต
หมายถึง ความสามารถ เจตคติ และพฤติกรรมการใช้แท็บเล็ตในการจักการเรียนรู้ของครู
การนำนโยบายสู่การปฏิบัติการ
โครงการ “One Tablet PC per Child : OTPC”
2.1 การนำนโยบายเข้าสู้การปฏิบัติการ
การนำนโยบายเข้าสู้การปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม
และบรรลุวัตถุประสงค์ตามโครงการนั้น
บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันนำสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง
การปฏิบัติในแต่ละระดับมีความแตกต่างกันตามบทบาทหน้าที่
1.บทบาทบุคลากรระดับเขตพื้นที่การศึกษา
1.การนำนโยบายเข้าสู้การปฏิบัติการการใช้แท็บเล็ต
โรงเรียนในสังกัดทำ MOU กับสถานศึกษา
2.ประชาสัมพันธ์ชี้แจงผู้ปกครองให้มีความเข้าใจในนบายการใช้คอมพิวเตอร์พกพาเพื่อการเรียนการสอน
3.จัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดเก็บคอมพิวเตอร์พกพาก่อนแจกจ่ายแก่โรงเรียนในสังกัด
4.แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตรวจรับ ตรวจสอบคอมพิวเตอร์พกพา
5.แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการเป็นลายลักษณ์อักษร
6.พัฒนาครูให้มีความรู้ ความเข้าใจ
และเกดทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์พกพาในการจัดการเรียนการสอน
2.บทบาทของนักศึกษานิเทศก์/ผู้ได้รับการแต่งตั้งรับผิดชอบโครงการ
1.นิเทศให้ความรู้แก่ครูผู้สอนในการทำหน้าที่ใช้แท็บเล็ต
ในการจัดการเรียนการสอน
2.นิเทศส่งเสริมสนับสนุนครูผู้สอนจัดกิจกรรมในการใช้แท็บเล็ต
3.ประสานงาน
นิเทศชี้แนะการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่นำสื่อแท็บเล็ต
ไปสู่ในการปฏิบัติในการจัดการ เรียนการสอน
4.รายงานผลสรุปการนิเทศและเผยแพร่งานที่ประสบความสำเร็จในการใช้สื่อแท็บเล็ต
ระดับเขตพื่นที่การศึกษา
3.บทบาทบุคลากรในโรงเรียน
1) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา
ในระดับโรงเรียน ควรมีการกำหนดแนวทางในการปฏิบัตที่ชัดเจนและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมให้ความสำคัญในการบริหารจัดการเพื่อนำคอมพิวเตอร์พกพาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพดังนั้น
บุคลากรควรมีบทบาท ดังนี้
1.1 ศึกษาคู่มือ แนวทางการใช้แท็บเล็ต
1.2 วางแผนการจัดการเรียนการสอนให้กับครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ให้สามารถใช้คอมพิวเตอร์พกพาจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.3 ประชุมชี้แจงผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ให้มีความเข้าใจในการช่วยเหลือบุตรหลาน
1.4 ส่งเสริม สนับสนุน
เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนพัฒนาตนเองเพื่อใช้คอมพิวเตอร์พพาจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.5 ติดตามประเมินผลการใช้แท็บเล็ต
ซึ่งจะช่วยให้ครูพัฒนาศักยภาพได้ดีขึ้น ประเมินเพื่อนำผลมาปรับปรุงแก้ไข
ให้เกิดการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์
1.6 รายงานผลสรุปผลการดำเนินงานและเผยแพร่งานที่ประสบความสำเร็จในการใช้แท็บเล็ตระหว่างโรงเรียน
2)
บทบาทบุคลากรระดับห้องเรียน
ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่1เป็นบุคลากรที่สำคัญที่จะนำนโยบายลงสู้การปฏิบัติได้เป็นไปตามรูปธรรมและมรประสิทธิภาพ
แม้การบริหารจัดการในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ระดับโรงเรียนจะดีเพียงใดก็ตามหากครูผู้สอนไม่ใส่ใจที่จะนำคอมพิวเตอร์พกพาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนสูงสุด
นโยบายนี้ก็จะบรรลุเป้าหมายได้ยาก ดังนั้น ครูผู้สอนควรดำเนินการ ดังนี้
2.1 ศึกษา
พัฒนาตนเองในการใช้คอมพิวเตอรืพกพาเพื่อการเรียนการสอนให้เกิดทักษะอย่างคล่องแคล่ง
2.2 จัด/ปรับปรุงระบบไฟฟ้า
อุปกรณ์ในห้องเรียนให้มีความปลอดภัยในการใช้คอมพิวเตอร์พกพา
2.3 ครูประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนรายบุคคลเพื่อประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนในการใช้
Learning Object
3) บทบาทผู้ปกครอง
การใช้คอมพิวเตอร์พกพาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนนั้น
ผู้ปกครองถือว่าเป็นบุคลสำคัญที่จะช่วยให้เด็กนักเรียนใช้ประโยชน์จาก Learning Object มากที่สุด ดังนั้น ผู้ปกครองมีบทบาทหน้าที่ดังนี้
3.1 ศึกษาเอกสาร
แนวทางการใช้ ทำความเข้าใจในการใช้แท็บเล็ต
3.2 ศึกษา Learning Object ในคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อช่วยเหลือ
ส่งเสริมการเรียนของบุตรหลาน
3.3
ผู้ปกครองร่วมศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับนักเรียนในการศึกษาบทเรียนแท็บเล็ต
3.4
ผู้ปกครองให้ความร่วมมือ และมีส่วนร่วมในการสื่อสารระหว่างนักเรียน ครู
โดยใช้แท็บเล็ต
การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้แท็บเล็ตในเชิงประถมศึกษา
การนำแท็บเล็ตพีซีมาใช้ในการจัดการศึกษาเป็นความพยายามที่จะพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
โดยใช้ประโยชน์จากความเป็นคนในยุคดิจิตอลของผู้เรียนในการเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา
หรือที่เราเรียกทับศัพท์ว่า “แท็บเล็ตพีซี” การศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21 จะให้ความสำคัญกับการบวนการเรียนรู้มากกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ผู้สอนเปลี่ยนบทบาทจากผู้ถ่ายทอดความรู้โดยตรงเป็นผู้ให้คำปรึกษา อำนวยความสะดวก
ออกแบบการเรียนการสอนให้ผู้เรียนฝึกการค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
แท็บเล็ตพีซีเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย
รวดเร็ว[4]และมีคุณลักษณะที่เหมาะสมที่ช่วยในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แท็บเล็ตพีซีเป็นได้ทั้งสื่อและเครื่องมือมือหรับใช้ในการเรียนการสอน
หากนำไปใช้เป็นเครื่องมือ จะอยู่ในรูปแบบ mWBI คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บน
แท็บเล็ตพีซีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เนื้อหาวิชาจะถูกโหลดจากอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ html5 ผู้เรียนจะทำกิจกรรมสื่อการเรียนรู้และสร้างปฏิสัมพันธ์บนเครือข่าย
แต่ในบริบทประเทศไทยแล้ว แท็บเล็ตพีซีจะเป็นสื่อสำหรับใช้ในการเรียนการสอนแบบ mCAI[5] ซึ่งเนื้อหาวิชาถูกบรรจุไว้ในรูปแบบ mobile application และนำไปติดตั้งลงบนแท็บเล็ตพีซี
ผู้เรียนสามารถศึกษาเนื้อหาได้เลยโดยไม่ต้องรอการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การจัดการเรียนรู้จะเน้นการเรียนรู้แบบเอกัตภาพศึกษา (Individual Learning)
โดยผู้เรียนจะเรียนรู้ตามความสนใจและความพร้อมของตนเอง
จะเห็นได้ว่าสื่อการสอนแบบ mCAI นั้น
เป็นบทเรียนสำเร็จรูปที่สะดวกต่อการใช้งานทั้งผู้สอนและผู้เรียนทั้งในสังคมเมืองและสังคมชนบทที่ห่างไกล
อันเป็นการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาได้ อย่างดียิ่ง
แต่ถ้าหากรัฐบาลสนับสนุนการจัดระบบโครงสร้างพื้นฐานให้กับสถานศึกษา
ให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้
ปรับลักษณะของอุปกรณ์แท็บเล็ตให้เหมาะสมกับการสืบค้นข้อมูล
ก็ยิ่งจะช่วยทำให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในยุคดิจิตอล
ข้อดีของการใช้แท็บเท็ต
ผลกระทบเชิงบวกจาการใช้แท็บเล็ตพีซีในการเรียนการสอนต่อตนเอง ครอบครัว
สถานศึกษาและต่อสังคม อาทิเช่น
แท็บเล็ตเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาให้กับเด็ก
เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เด็กๆ ได้ศึกษาวัฒนธรรมต่างแดนผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา
สามารถเรียนรู้ภาษาด้วยการใช้เป็นวิดีโอ แชทกับชาวต่างชาติเพื่อฝึกภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเขินอายเหมือนกับการสื่อสารต่อหน้า
ทำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุกและเข้าใจง่ายขึ้น
แตกต่างจากการเรียนจากหนังสือซึ่งไม่น่าสนใจและเข้าใจยากกว่า ทำให้ผู้สอนสามารถเข้าถึงรูปภาพ
วีดิโอคลิป และข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก
เพื่อใช้สร้างบทเรียนที่น่าสนใจให้แก่ผู้เรียน
ข้อเสียของการใช้แท็บเล็ต
การนำแท็บเล็ตพีซีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อผู้เรียนได้
อาทิเช่น อาจมีผู้เรียนจำนวนมากติดอินเทอร์เน็ต เด็กจะอยู่คนเดียว เล่นคนเดียว
หรือเล่นกับเพื่อนสองสามคน ขาดการมีปฏิสัมพันธ์เชิงสังคมกับผู้อื่น
ขาดหรือออกกำลังกายน้อยลง มีปัญหาเรื่องสายตาสั้น มีปัญหาด้านสุขภาพ
และทำให้เด็กคุ้นเคยกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์
จนอาจทำให้ติดและทำให้ส่งผลต่อผลการเรียน
ปัญหาและอุปสรรค
นโยบายของรัฐบาลในการจัดสรรแท็บเล็ตพีซีนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิวัติการเรียนรู้ของผู้เรียนไทย
เพียงแต่อาจเกิดปัญหาตามมาหลังจากที่มีการแจก Tablet
ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1.
การเรียนการสอนโดยใช้แท็บเล็ตพีซีอาจไม่จำเป็นต้องพัฒนาหลักสูตรขึ้นมาใหม่
แต่จำเป็นต้องมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่นำแท็บเล็ตพีซีมาใช้เป็นสื่อหรือเครื่องมือในการเรียนการสอน
ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนจัดการเรียนรู้จากส่วนกลางส่งให้ทุกสถานศึกษา
เพื่อให้ผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
นำไปใช้จัดการเรียนการสอน แต่มีข้อสังเกตคือแผนจัดการเรียนรู้นี้ยืดหยุ่นพอหรือไม่ในการใช้จัดการเรียนการสอนในบริบทที่แตกต่างกันของแต่ละสถานศึกษา
2.
ผู้สอนยังขาดทักษะการใช้อุปกรณ์
Tablet เพื่อการจัดการเรียนการสอน
ในขณะที่ผู้เรียนมีความพร้อมที่จะเรียน
3.
เมื่อผู้เรียนเลื่อนชั้น
เนื้อหาบทเรียนในชั้นเดิมจะถูกลบเพื่อใส่เนื้อหาบทเรียนในชั้นใหม่เข้าไป
เนื่องจากเนื้อที่การจัดเก็บข้อมูลของแท็บเล็ตมีจำกัด
ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถกลับมาทบทวนเนื้อบทเรียนเดิมได้
4.
ภาระด้านการบำรุงรักษา
การแก้ปัญหาเรื่องอุปกรณ์ และการใช้งานเป็นภาระของสถานศึกษา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหมดระยะประกัน
5.
อุปกรณ์แท็บเล็ตเปลี่ยนรุ่นเร็วมาก
ดังนั้นแท็บเล็ตที่จัดหามาแจก
ควรมีมาตรฐานรองรับสื่อบทเรียนและแอปพลิเคชันที่เกิดขึ้นใหม่
ในขณะที่ด้านเทคนิคก็พบปัญหามากมาย เช่น แบตเตอรี่หมดเร็ว
ใช้งานได้ติดต่อกันน้อยกว่า 1 ชั่วโมง เครื่องร้อน
โดยสถานศึกษาหลายแห่งเสนอให้ส่วนกลางจัดสรรงบประมาณการจัดซ่อมบำรุงแท็บเล็ต
และสำรองเครื่องเพื่อรองรับปัญหา แต่ก็ยังไม่ได้รับการจัดการมากนัก
6.
ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอ
7 นิ้ว
ซึ่งเล็กเกินไปสำหรับการอ่านข้อความจากเว็บไซต์ การสัมผัสที่ไม่ลื่นไหล
ระบบอินเตอร๋เน็ตของสถานศึกษาไม่เร็วและเสถียรพอ
จึงเป็นการยากที่จะใช้แท็บเล็ตพีซีเป็นเครื่องมือในการสืบค้น
จากงานวิจัยส่วนใหญ่เป็นการศึกษาทัศนคติของผู้เรียนหรือผู้สอน
การพัฒนาแอปพลิเคชัน บทเรียน
แต่ยังขาดงานวิจัยที่ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเมื่อนำแท็บเล็ตพีซีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
เพื่อยืนยันว่าแท็บเล็ตสามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนได้จริง
ซึงผลด้านลบจากการใช้แท็บเล็ตในการเรียนการสอนจึงเป็นสิ่งที่ผู้สอนต้องพึงตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
แนวทางและความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา
จากการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนโดยใช้แท็บเล็ตพีซีเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน
สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มาระยะหนึ่ง
พบว่ามีหลายประเด็นปัญหาในการใช้งานที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอน
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแท็บเล็ตพีซีเอง บทเรียนหรือแอปพลิเคชัน
โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษา
ทักษะการใช้งานของผู้สอนและผู้เรียน
หลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการเรียนรู้โดยใช้เครื่องแท็บเล็ตพีซีเป็นฐาน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้การจัดการเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
คณะผู้เขียนจึงได้เสนอข้อเสนอแนะให้รัฐบาล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขโครงการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
ดังนี้[
1.
รัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับสถานศึกษาโดยเฉพาะสถานศึกษาที่อยู่ในชนบทห่างไกล
ให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.
สถานศึกษาต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเรียนรู้โดยใช้แท็บเล็ตพีซีเป็นฐาน
(Tablet Based Learning)
เช่น ระบบกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย อุปกรณ์ชาร์ตแบตเตอรี่
จุดติดตั้งปลั๊กไฟในห้องเรียน โปรเจกต์เตอร์ และระบบเสียง เป็นต้น
3.
หากเป็นไปได้สถานศึกษาควรจัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถานศึกษาโดยเฉพาะ
เพื่อช่วยในการจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในให้มีประสิทธิภาพ
4.
ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพและประสิทธิภาพของเครื่องแท็บเล็ตพีซีที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของผู้เรียนในแต่ละระดับ
เช่น ขนาดหน้าจอ ความสว่างของหน้าจอ ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่
พอร์ตเชื่อมต่อที่จำเป็น สเปคของเครื่อง ความทนทาน ความปลอดภัยในการใช้งาน เป็นต้น
5.
ควรทดลองใช้กับกลุ่มทดลองก่อน เพื่อศึกษาผลกระทบ ผลลัพธ์
ปัญหาจากการใช้งาน รวมถึงประเมินความคุ้มค่า
และนำผลการศึกษามาปรับปรุงแก้ไขการใช้งานแท็บเล็ตพีซีเพื่อการเรียนการสอนห้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
6.
ควรมีการพัฒนาผู้สอนให้สามารถใช้แท็บเล็ตพีซีเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งให้ผู้สอนสามารถพัฒนาบทเรียนหรือแอปพิเคชันบนแท็บเล็ตพีซี
พัฒนาแผนจัดการเรียนรู้ให้ตรงกับบริบทของสถานศึกษาและตรงกับความต้องการของผู้เรียน
รวมทั้งรู้วิธีการดูแลรักษาแท็บเล็ตพีซีอย่างถูกต้องและเหมาะสม
7.
สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้สอนพัฒนาแผนจัดการเรียนรู้โดยใช้แท็บเล็ตพีซีเป็นฐาน
ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะที่สำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมยุคศตวรรษที่
21 ได้อย่างมีความสุข
8.
ควรมีการฝึกทักษะการใช้งานแท็บเล็ตพีซีให้กับผู้เรียน
ทั้งการใช้งานเบื้องต้น การเข้าถึงและเรียนรู้บทเรียน
การสืบค้นข้อมูลความรู้จากอินเทอร์เน็ต รวมถึงการใช้งานที่ถูกวิธี
การวางแผน การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา
การศึกษาวิจัยในเรื่องของผลกระทบให้รอบด้าน ทั้งผู้สอน ผู้เรียน
และการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ
สำหรับสถานศึกษาที่มีความพร้อมในทุกด้านแล้ว ควรคำนึงถึงการออกแบบ
การจัดการเรียนรู้ การกำกับดูแลการใช้งานของผู้เรียนอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยใช้แท็บเล็ตพีซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันเป็นการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดจนทักษะที่บุคคลในศตวรรษที่ 21 พึงมี
อีกทั้งยังเป็นการลดผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย
ครูประถมศึกษาจะต้องเตรียมความตัวอย่างไร
1) ปรับเปลี่ยน ทัศนคติ
และวิธีการสอนในการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
2) มีความรู้ความเข้าใจในการใช้
คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
3)
จัดหาสื่อ
ศูนย์หรือแหล่งความรู้ที่หลากหลายไว้เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามกลุ่มสาระ
4)
เตรียม และปรับเปลี่ยนห้องเรียน ให้เอื้อต่อการใช้คอมพิวเตอร์พกพา ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
5)
กำกับ ดูแล รักษา ติดตาม และประเมินผลในการใช้ คอมพิวเตอร์พกพาในชั้นเรียนของตนเอง
6)
ให้ความร่วมมือในการประกันคุณภาพของระบบการเรียนการสอนภควันตภาพที่ใช้
คอมพิวเตอร์พกพา ด้วยการวิจัยในห้องเรียน
การเก็บข้อมูลและเพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงการใช้ คอมพิวเตอร์พกพา ให้ดีขึ้น
ในฐานนะที่เป็นครูประถมมีความคิดอย่างในการใช้แท็บเล็ต
สามารถช่วยให้เด็กนักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมจากเนื้อหาในหนังสือเรียน
และสามารถค้นคว้าหาคำศัพท์เพิ่มเติมได้จากแท็บเล็ต เพื่อทักษะองค์ความรู้
ความสามารถ ความเข้าใจได้อีกด้วย
ข้อดี
-สามารถเรียนรู้ได้ง่ายและสะดวกในการพกพา
ข้อเสีย
- ทำให้เด็กนักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ จะสนใจสื่อออนไลน์มากกว่าการเรียนการสอน